หลังจากผ่านฤดูหนาวซึ่งเป็น High season ของเชียงใหม่บ้านเราไปแล้ว ตอนนี้เราก็ได้ก้าวเข้าสู่ฤดูหมอกควันอย่างเป็นทางการ…
ทีมงานรักสุขภาพอย่างเราๆ ก็เลยไม่รอช้าที่จะไปพักปอดกันสักหน่อย ซึ่งครั้งนี้ เราจะไปที่ เวียดนามกลาง ดานัง-ฮอยอัน-บานาฮิลล์ กันจ้าาา ~
ส่วนตัวเป็นคนชอบอาหารเวียดนามมาก ชอบกิน แหนมเนือง กับเฝอ แบบสุดๆ ก่อนเดินทางก็เลยวาดภาพไว้อย่างสวยหรูว่า ทริปนี้จะต้องเป็น Food Paradise ของเราแน่ๆ
เอาหละ ในโพสต์นี้เรามาสรุปข้อมูลทั่วๆไปกัน ก่อน ดีกว่า
ทริปนี้ ใช้เวลา 5 วัน 4 คืน ได้เที่ยวเต็มๆ 4 วัน วันสุดท้ายแค่เดินทางกลับอย่างเดียว เราไปกันวันที่ 28 ก.พ. – 4 มี.ค. ซึ่งเป็นฤดู… อะไรก็ไม่รู้ 55555 แต่ว่าอากาศดีมาก เย็นๆ ไม่ร้อนและไม่หนาว เดินในเมืองได้อย่างชิวๆ มีฝนตกบ้างประปราย แต่ไม่ถึงกับเที่ยวไม่ได้ (ก็มีเทพเจ้าสายฝนอย่างชั้นไปทั้งคน มันจะไม่ตกได้ยังไง TvT)
ถ้าถามว่าระยะเวลาเท่านี้ พอมั้ย สั้นไป หรือนานไปหรือเปล่า เราคิดว่าถ้าไปแค่ ดานัง ฮอยอัน และ บานาฮิลล์ เวลาเท่านี้คือกำลังพอดี ไม่ต้องเที่ยวแบบรีบๆ แต่ถ้าไหนๆมาเวียดนามกลางทั้งที มันจะมีเมือง เว้ อีกเมืองที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ก็อาจจะเพิ่มไปอีกสัก 1 วัน แล้วแวะไปเมืองนี้ดู ก็น่าจะดี แต่ออกตัวไว้ก่อนว่านี่ไม่ได้ไปมานะ แต่พนักงานที่โรงแรมบอกว่า เค้าเสียดายที่พวกเราไม่ได้ไปเมืองนี้
มาถึงเรื่อง เงินๆ ทองๆ กันบ้าง ที่เวียดนาม เขาใช้เงิน VND หรือ เวียดนามดอง ซึ่งเราแลกเงินสดไป 200 USD เพราะว่าที่ไทยไม่มีเงิน ดอง ให้แลก การคำนวนกลับเป็นเงินไทยก็ง่ายๆ 1k ดอง = 1.5 บาท ด้วยความที่เงินเวียดนามเลขมันเยอะมาก เวลาเค้าพูดกัน เค้าจะตัด 0 สามตัวท้ายออก เช่น 100,000 เค้าก็จะพูดว่า 100 ซึ่ง ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็เอามาคูณ 1.5 ได้เลย กลายเป็น 150 บาท
เราคิดว่าค่าครองชีพที่เวียดนามแพงกว่าไทย 1.5 เท่านี่แหละ เพราะว่าราคาสินค้าหรือบริการที่เป็นเงินดอง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือพาหนะ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าถ้าอยู่ไทยก็จะราคานี้แหละ แต่พอเป็นดองมันต้องคูณ 1.5 หงะ ก็เลยแพงกว่าไปนิดหน่อย ถ้าใครงง ลองคิดแบบนี้ดู ก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา ชามละ 60 บาท เฝอบ้านเค้า ก็ 60k ดอง แต่ว่า พอแปลงเป็นเงินไทยก็คือ 90 บาท ก็คือก๋วยเตี๋ยวบ้านเค้าแพงกว่าเราไป 30 บาท งงกว่าเดิมหรือเปล่านะ 5555
การเดินทางที่นี่เราใช้ Grab ตลอดเลยเพราะรู้ราคาที่แน่นอน และ ปักสถานที่ที่จะไปได้เลย ไม่ต้องคุยกันให้เมื่อยมือ แถมๆๆ ตอนที่เราไปมีส่วนลด 15% ใช้ได้ตลอดเลยด้วย ใช้กี่รอบก็ได้ลด ไม่เหมือน Grab ที่ไทย โค้ดหมดอยู่นั่น 555
เรื่องการสื่อสาร ด้วยความที่กลัวหลงทาง เราซื้อซิมกันหมดทุกคน โดยซื้อที่สนามบินนั่นแหละ พอลงเครื่องมา เดินตามๆคนอื่นไป เดี๋ยวเราก็จะผ่านเคาน์เตอร์ แล้วก็จะมีคนตะโกนเรียกเราเองว่าเอาซิมการ์ดมั้ย พอเดินเข้าไป เค้าก็ถามว่าอยากได้แบบ โทร ได้มั้ย หรือเอาเน็ตอย่างเดียว บลาๆๆ ถามไปถามมา อ่าวราคาเท่ากันหนิ ต่างกันแค่เครือข่าย ก็เลยเลือกเอาแบบที่โทรได้ด้วย เผื่อตรงไหนเน็ตไม่ดี จะได้โทรได้ สรุปก็คือ เราได้แพ็คเกจ เน็ตและโทรแบบ unlimited ใช้ได้ 7 วัน (เอ๊ะ หรือ 5 จำไม่ค่อยได้ เอาเป็นว่าเพียงพอกับทริปเราละกัน ฮ่าๆ) ราคา 10 USD หรือจะจ่ายเงินไทยก็ได้ 350 บาท ได้หมดเลยแล้วแต่เรา แล้วเค้าก็จะเอามือถือเราไปทำให้ แป๊บเดียวก็ใช้ได้เลย
เอาหละ โพสต์นี้เอาข้อมูลแบบ General ไปก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อว่า เราไปเที่ยว ไปกิน ไปเจออะไรกันมาบ้าง~